ในโลกของการเทรดทางการเงิน การวิเคราะห์กราฟเทคนิคเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อขายได้อย่างมั่นใจ หนึ่งในทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์กราฟคือ “ทฤษฎี Dow Theory” หรือ “ทฤษฎีดาว” ซึ่งถูกพัฒนาโดย Charles H. Dow ทฤษฎีนี้มีหลักการพื้นฐานที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคในปัจจุบัน บทความนี้จะนำเสนอหลักการและวิธีการวิเคราะห์กราฟด้วยทฤษฎี Dow Theory พร้อมทั้งวิธีการนำไปใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย
ความเป็นมาของทฤษฎี Dow Theory
ทฤษฎี Dow Theory ถูกพัฒนาโดย Charles H. Dow ผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal และดัชนีหุ้น Dow Jones Industrial Average (DJIA) ทฤษฎีนี้มีพื้นฐานจากบทความที่ Dow เขียนขึ้นระหว่างปี 1900-1902 โดยหลักการของทฤษฎีนี้ถูกนำมารวบรวมและพัฒนาเพิ่มเติมโดย William Peter Hamilton, Robert Rhea, และ E. George Schaefer
หลักการพื้นฐานของทฤษฎี Dow Theory
ทฤษฎี Dow Theory มีหลักการพื้นฐานที่สำคัญ 6 ข้อ ได้แก่:
- ตลาดสะท้อนข้อมูลทั้งหมด
- ราคาในตลาดสะท้อนข้อมูลทุกอย่างที่เป็นที่รู้จัก เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ การเมือง และข่าวสารอื่น ๆ นักลงทุนสามารถพึ่งพากราฟราคาเพื่อทำนายแนวโน้มได้
- ตลาดมีสามแนวโน้มหลัก
- แนวโน้มขาขึ้น (Bull Market): แนวโน้มที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- แนวโน้มขาลง (Bear Market): แนวโน้มที่ราคาหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่อง
- แนวโน้มไซด์เวย์ (Sideways Market): แนวโน้มที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ
- แนวโน้มมีสามระยะ
- การสะสม (Accumulation Phase): นักลงทุนสถาบันเริ่มซื้อหรือขายหุ้น
- การเคลื่อนไหว (Public Participation Phase): นักลงทุนทั่วไปเริ่มเข้ามาซื้อหรือขายหุ้น
- การกระจาย (Distribution Phase): นักลงทุนสถาบันเริ่มขายหรือซื้อหุ้นเพื่อทำกำไร
- ดัชนีต้องยืนยันกัน
- การยืนยันแนวโน้มจะต้องมาจากการเปรียบเทียบระหว่างดัชนีต่าง ๆ เช่น DJIA และ Dow Jones Transportation Average (DJTA)
- ปริมาณการซื้อขายต้องยืนยันแนวโน้ม
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ต้องสอดคล้องกับแนวโน้มราคา ในแนวโน้มขาขึ้น ปริมาณการซื้อขายควรเพิ่มขึ้น ในแนวโน้มขาลง ปริมาณการซื้อขายควรลดลง
- แนวโน้มคงอยู่จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
- แนวโน้มจะยังคงอยู่จนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจนที่บ่งบอกว่าแนวโน้มนั้นเปลี่ยนไป
การวิเคราะห์กราฟด้วยทฤษฎี Dow Theory
ในการนำทฤษฎี Dow Theory มาวิเคราะห์กราฟ นักลงทุนสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:
- การระบุแนวโน้มหลัก
- เริ่มจากการดูกราฟระยะยาว เช่น กราฟรายสัปดาห์หรือรายเดือน เพื่อระบุแนวโน้มหลัก (Primary Trend) ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือไซด์เวย์
- การวิเคราะห์ระยะเวลาของแนวโน้ม
- วิเคราะห์กราฟระยะกลางและระยะสั้น เพื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงภายในแนวโน้มหลัก เช่น กราฟรายวันหรือรายชั่วโมง
- การยืนยันแนวโน้มด้วยดัชนีและปริมาณการซื้อขาย
- ใช้ดัชนีและปริมาณการซื้อขายในการยืนยันแนวโน้มที่พบ หากแนวโน้มขาขึ้นปริมาณการซื้อขายควรเพิ่มขึ้นตามแนวโน้ม
- การระบุระยะต่าง ๆ ของแนวโน้ม
- ระบุระยะการสะสม การเคลื่อนไหว และการกระจาย เพื่อทำความเข้าใจการกระทำของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป
การนำทฤษฎี Dow Theory ไปใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย
เมื่อมีความเข้าใจในทฤษฎี Dow Theory และวิธีการวิเคราะห์กราฟ นักลงทุนนำไปใช้ในการตัดสินใจซื้อขายได้ดังนี้:
- การซื้อในระยะการสะสม
- นักลงทุนสามารถเริ่มซื้อหุ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นเริ่มต้นและอยู่ในระยะการสะสม
- การถือครองในระยะการเคลื่อนไหว
- ควรถือครองหุ้นในระยะการเคลื่อนไหวเมื่อแนวโน้มขาขึ้นยังคงอยู่
- การขายในระยะการกระจาย
- ควรขายหุ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นเข้าสู่ระยะการกระจาย ซึ่งบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น
- การปรับกลยุทธ์ตามแนวโน้มตลาด
- ปรับกลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้มหลักของตลาด หากตลาดเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง ควรพิจารณาขายหุ้นและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น
สรุป
ทฤษฎี Dow Theory เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์กราฟและทำนายแนวโน้มตลาด นักลงทุนนำทฤษฎีนี้มาใช้ในการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจหลักการพื้นฐานของทฤษฎีและการวิเคราะห์กราฟด้วยขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ทางเทคนิคควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลงทุน
CelebsHotpics เป็นเว็บไซต์รวบรวมความรู้จากหลายด้าน ทั้งสุขภาพ การศึกษา การลงทุน และความรู้ทั่วไป พร้อมดีเทลเนื้อหาที่น่าสนใจ การันตีประโยชน์ผ่านบทความทุกเรื่องบนเว็บไซต์ ข้อมูลที่ทันสมัย และควรค่าแก่การอ่านเสริมความรู้